บทที่ 1 ความรักปลอมไขกระดูกของเธอคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ

เซเรนิตี้ วิลล่า, บ้านตระกูลจอห์นสัน

เอมิลี่ จอห์นสัน กอดกองเอกสารโอนกรรมสิทธิ์ไว้แน่นขณะเดินเข้าไปหาพี่สาวและแม่ของเธอ

ทันทีที่เธอเดินมาถึงหน้าประตูห้องนอนของเบียงก้า จอห์นสัน ผู้เป็นพี่สาว เธอก็สังเกตเห็นว่าประตูแง้มอยู่เล็กน้อย

เธอกำลังจะผลักประตูเข้าไป

แต่แล้วก็ได้ยินเสียงของเบียงก้าดังออกมาจากข้างใน

“แม่คะ โรคของหนูกำเริบอีกแล้ว หนู กลัวเหลือเกินว่าสักวันหนูจะหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีก หนูทนไม่ได้ที่จะต้องทิ้งลูกๆ สามี โดยเฉพาะแม่กับครอบครัวไป...”

เบียงก้าซึ่งนอนอยู่บนเตียงมีใบหน้าซีดเผือดและตัวสั่นเทา เธอจับมือของคลีโอผู้เป็นแม่ไว้แน่น

ใบหน้าที่สง่างามของคลีโอเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

เธอลูบมือของเบียงก้าเบาๆ “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เรายังมีเอมิลี่อยู่อีกคนไม่ใช่เหรอ”

“แต่ว่าน้องจะยอมเหรอคะ” เบียงก้าลังเล “แล้วถ้าคนอื่นรู้เข้า...”

“แกไม่มีทางเลือกหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะเลือดจากสายสะดือของแก ป่านนี้แกคงไม่มีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ อีกอย่าง ที่เราตามตัวแกกลับมาก็เพื่อสุขภาพของลูกนะ” คลีโอปลอบด้วยแววตาแน่วแน่ “ลูกก็รู้ว่าพวกเราอยู่ข้างลูก ทุกคนเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ยังไงแกก็เป็นโรคหัวใจ อยู่ได้อีกไม่นานหรอก เอาตัวแกมาใช้ประโยชน์เสียยังจะดีกว่า”

เอาตัวเธอมาใช้ประโยชน์!

เอมิลี่รู้สึกราวกับเลือดในกายเย็นเยียบ

ที่แท้ ที่พวกเขาตามหาเธอตอนที่เธอถูกลักพาตัวและหายตัวไป ไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นเพราะพวกเขาต้องการไขกระดูกของเธอต่างหาก

ก่อนอายุสิบสองปี เธอเป็นแค่ขอทานเร่ร่อน ถูกพบตอนกำลังคุ้ยขยะก่อนที่พวกเขาจะรับเธอกลับมา

เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งและสกปรกของเธอขัดกับความหรูหราโอ่อ่าของคฤหาสน์ตระกูลจอห์นสันอย่างสิ้นเชิง เธอรู้สึกต่ำต้อยและอ่อนไหว แต่คำพูดของพวกเขาที่ว่า “เราไม่เคยล้มเลิกที่จะตามหาลูกเลย” ก็ทำให้หัวใจของเธอเปี่ยมไปด้วยความหวังและความปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว

ดังนั้น เธอจึงทุ่มเททำงานหนักเพื่อครอบครัวนี้ เพื่อสมาชิกทุกคน จนสูญเสียความเป็นตัวเองไป

เมื่อธุรกิจของตระกูลจอห์นสันประสบปัญหา เธอก็อดหลับอดนอนคืนแล้วคืนเล่าเพื่อวางแผนแก้ไขวิกฤต จนเป็นสาเหตุให้เธอเป็นโรคหัวใจ

เมื่อเอเดน จอห์นสัน พี่ชายคนโตของเธอถูกใส่ร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เธอก็ยอมเสี่ยงชีวิตทำตามเงื่อนไขของศัตรูเพื่อช่วยเขาออกมา

เธอแฮกเข้าไปลบข้อมูลในเว็บไซต์ของเชส จอห์นสัน พี่ชายคนรอง เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของเขาในวงการบันเทิง

เธอทดลองยากับตัวเองเพื่อช่วยอีไล จอห์นสัน พ่อของพวกเขาที่ถูกวางยาพิษ

เธอปีนหน้าผาเพื่อเก็บสมุนไพรหายากมาบำรุงสุขภาพของคลีโอ

เพื่อสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว เธอทุ่มเทให้ทุกสิ่งทุกอย่าง จนตัวเองต้องบอบช้ำไปทั้งตัว

ส่วนเบียงก้า ตลอดหลายปีที่เธอกลับมาอยู่บ้าน สุขภาพที่อ่อนแอของพี่สาวหมายความว่าไม่ว่าเบียงก้าจะน้อยใจเรื่องอะไร ก็เป็นความผิดของเอมิลี่เสมอ ไม่ว่าเบียงก้าต้องการอะไร แม้แต่ของรักของหวงที่สุดของเอมิลี่ ก็จะถูกส่งมอบให้พี่สาวโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

แม้ว่าเลือดจากสายสะดือของเธอจะช่วยชีวิตเบียงก้าไว้ และแม้แต่แฟนหนุ่มของเธอก็ยังถูกหลอกด้วยท่าทางอ่อนแอของเบียงก้า เอมิลี่ก็ยังให้อภัย โดยเห็นแก่สุขภาพที่ไม่แข็งแรงของพี่สาว

แต่สิ่งที่เธอได้รับตอบแทนคืออะไร

ความปรารถนาในความรักตลอดชีวิตของเธอ การไขว่คว้าอย่างนอบน้อมของเธอ ทั้งหมดกลับกลายเป็นสิ่งไร้ค่า

หัวใจของเธอเจ็บปวดราวกับโดนมีดกรีด

เธอตัวสั่นด้วยความเจ็บปวด

เอกสารมรดกหลุดจากมือของเธอ ร่วงกระจายเกลื่อนพื้น เธอก้มลงเก็บมันขึ้นมาอย่างเจ็บปวด

“ใครอยู่ตรงนั้น”

คลีโอลุกขึ้นมาดูต้นตอของเสียง

เอมิลี่ไม่ต้องการให้คลีโอเห็นเอกสารพวกนั้น

เธอยอมบริจาคทรัพย์สินมรดกให้คนอื่นเสียยังดีกว่าจะยกให้พวกเขา

ไม่มีใครในบ้านนี้สมควรได้รับมัน!

เอมิลี่รีบรวบรวมเอกสาร แต่มีแผ่นหนึ่งปลิวไปอยู่ตรงธรณีประตู

ขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปหยิบ คลีโอก็ก้าวออกมาและเผลอเหยียบลงบนมือของเธอ

เจ็บ!

แต่ก็ยังไม่เจ็บปวดเท่าหัวใจของเธอ

“เอมิลี่ แอบฟังอะไรอยู่ นี่มันอะไรกัน” คลีโอเงยเท้าขึ้นแล้วสังเกตเห็นเอกสาร เธอนิ่วหน้า “นี่มันเอกสารอะไร”

สิ่งแรกที่คลีโอทำเมื่อเห็นเอมิลี่คือการกล่าวหาและซักไซ้

ไม่มีความห่วงใย ไม่มีความกังวล

เอมิลี่ทำใจยอมรับได้แล้วว่าคลีโอไม่ได้รักเธอ

แต่มันก็ยังคงเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง

คลีโอคงอยากให้เธอรีบตายไปเสียเร็วๆ

ไม่อย่างนั้น ทำไมเธอถึงต้องปิดบังอาการป่วยของเธอกันเล่า

ก่อนหน้านี้เอมิลี่เคยรู้สึกไม่สบายและไปโรงพยาบาล คลีโอเป็นคนเอาผลตรวจไปแล้วบอกเธอว่าไม่มีอะไร แค่ต้องการการพักผ่อน

แต่ในความเป็นจริง เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจ วันนี้หมอได้แต่ส่ายหน้ากับผลตรวจล่าสุด “ถ้าคุณเริ่มรักษาเร็วกว่านี้ การผ่าตัดอาจจะยืดชีวิตคุณไปได้อีกหลายปี”

เธอเคยคิดว่ามันเป็นการวินิจฉัยที่ผิดพลาด เป็นโชคชะตาของเธอ

แต่ไม่ใช่เลย คลีโอปิดบังเรื่องนี้ไว้เพื่อการปลูกถ่ายไขกระดูก

ขณะที่คลีโอยกเท้าขึ้น เอมิลี่ไม่สนใจความเจ็บปวดและคว้าเอกสารกลับมาตามสัญชาตญาณ

การกระทำนี้กระตุ้นความสงสัยของคลีโอ

“บอกมานะ นี่มันเอกสารอะไร แกไปขโมยเอกสารสำคัญจากห้องทำงานของอีไลมาใช่ไหม” สายตาที่ดุร้ายของคลีโอมองเธอไม่ใช่ในฐานะลูกสาว แต่เป็นศัตรู

เธอไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของเอมิลี่

เอมิลี่กัดริมฝีปาก ข่มความเจ็บปวดไว้ แล้วพูดอย่างเย็นชา “ไม่ใช่ค่ะ คุณไปเช็กกล้องวงจรปิดได้เลย!”

ไม่รอให้คลีโอได้ตอบสนอง เธอหันหลังแล้ววิ่งลงไปชั้นล่าง

“ถ้าไม่ใช่แล้วจะวิ่งทำไม แกได้ยินที่ฉันคุยกับเบียงก้าแล้วสินะ งั้นก็น่าจะรู้ว่าชีวิตของแกมีอยู่ก็เพื่อเบียงก้า ยังไงแกก็อยู่ได้อีกไม่นาน บริจาคไขกระดูกให้เบียงก้าก็เป็นเรื่องที่ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ” คลีโอตะโกนไล่หลังมา

ถ้าเธอเลือกได้

เธอขอไม่เกิดมาในครอบครัวนี้เสียดีกว่า

เอมิลี่ยิ้มอย่างขมขื่น

เมื่อได้ยินถ้อยคำที่ไร้หัวใจและไร้ยางอายเช่นนี้ เธอก็รู้สึกมึนงงไปหมด

ในความมึนงงนั้น เธอสะดุด

เธอเหยียบพลาดและร่วงหล่นลงจากบันได

คลีโอรีบวิ่งตามมา พลางพึมพำ “เอมิลี่ เป็นอะไรไหม เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ ไม่อย่างนั้นเราจะปลูกถ่ายไขกระดูกกันได้ยังไง...”

นี่คือแม่ผู้ “แสนดี” ของเธอ ไม่สิ เธอเป็นแม่ที่ดีของเบียงก้า ไม่ใช่ของเธอ

การเกิดมาของเธอไม่เคยได้รับคำอวยพร

บางทีเธออาจไม่ควรมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ

เอมิลี่ไอเป็นเลือด กระเซ็นเปรอะเอกสารที่กระจัดกระจายจนเป็นสีแดง

หัวใจของเธอเจ็บปวดรวดร้าว กระดูกราวกับแหลกสลาย ทุกข้อต่อปวดไปหมด

สติของเธอเริ่มเลือนลาง

เธอรู้ว่าตัวเองคงไม่รอดแล้ว

ดี!

ความตายจะปลดปล่อยเธอจากญาติพี่น้องที่หน้าไหว้หลังหลอกและใจดำพวกนี้

แต่ถึงแม้จะต้องตาย เธอก็ไม่อยากตายในสถานที่ที่ไร้หัวใจแห่งนี้

ดังนั้น แม้แขนขาจะหักบิดเบี้ยว เธอก็ยังลากสังขารตัวเอง ทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทาง ออกไปจากคฤหาสน์หลังนั้น

“ทำไมถึงได้ดื้อด้านขนาดนี้ แม้แต่ตอนจะตาย ก็ควรจะคิดช่วยเบียงก้าก่อนเพื่อสร้างบุญกุศลไม่ใช่หรือไง...”

เอมิลี่หลับตาลงอย่างสิ้นหวัง

สายฝนที่เทกระหน่ำชะล้างเลือดและสิ่งสกปรกออกจากร่างกายของเธอ

ราวกับจะชำระล้างเส้นทางให้เธอได้เกิดใหม่

“เอมิลี่ รีบไปขอโทษเบียงก้าเดี๋ยวนี้! ถ้าไม่ใช่เพราะแกสมรู้ร่วมคิดกับคนนอกรังแกเธอ โรคเก่าของเธอจะกำเริบขึ้นมาได้ยังไง แกยังนอนหลับลงได้ยังไงกัน”

เอมิลี่สะดุ้งตื่นเพราะเสียงตะคอกดังลั่น

แขนของเธอถูกกระชากอย่างเจ็บปวด

เอมิลี่ขมวดคิ้วและลืมตาขึ้น สบกับสายตาที่โกรธเกรี้ยวของอีไล แววตาที่ไม่เห็นด้วยของเอเดนกับเชส และความผิดหวังในดวงตาของคลีโอ

เธอใช้มือกุมหัวใจตามสัญชาตญาณ

ไม่เจ็บ!

แสดงว่าไม่ได้เป็นโรคหัวใจ!

เธอมองไปรอบๆ

ห้องที่รกรุงรังเต็มไปด้วยอุปกรณ์ศิลปะของเบียงก้า ห้องที่เธอเคยอยู่ก่อนอายุสิบแปดปี

หรือว่าเธอเกิดใหม่?

ขณะที่คำถามนั้นวนเวียนอยู่ในหัว เธอก็พยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ของตัวเอง

เมื่อเห็นผู้คนที่รายล้อมพร้อมจะกล่าวหาเธอในตอนนี้ ความทรงจำเก่าๆ ก็ย้อนกลับมาในหัวของเอมิลี่

ตอนนั้นเป็นช่วงปีสุดท้ายของมัธยมปลาย ตอนที่เบียงก้าเกิดอาการแพนิกกำเริบหลังจากถูกใครบางคนที่โรงเรียนทำให้ตกใจ เอมิลี่พยายามจะเข้าไปช่วย แต่กลับพลัดตกลงไปในทะเลสาบและกลับมาพร้อมกับไข้ขึ้นสูง

หากมีใครใส่ใจเธอสักนิด พวกเขาก็คงสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเธอนั้นแดงก่ำเพราะพิษไข้

"มองอะไรอยู่? เวลานี้แล้วยังจะมานอนอีกเหรอ? ลุกออกจากเตียงเดี๋ยวนี้เลยนะ นังเด็กใจดำ!" อีไลตวาดลั่น พร้อมที่จะกระชากเธอลงจากเตียง

ร่างกายของเอมิลี่อ่อนแรง เธอจึงเซถลาล้มลงไปกองกับพื้น ชนขาตั้งวาดรูปที่มีภาพวาดวางอยู่จนล้มลงไปด้วย นั่นคือภาพวาดดอกทานตะวันที่เบียงก้าเพิ่งวาดเสร็จและวางทิ้งไว้ให้แห้ง

"ภาพวาดของเบียงก้า... พี่เขาใช้เวลาวาดตั้งหลายวันเลยนะ! เอมิลี่ นี่เธอตั้งใจทำใช่ไหม? แกมันเป็นพวกไร้ค่าไร้มารยาทจริงๆ" ฟินน์ จอห์นสัน พี่ชายของเธอซึ่งแก่กว่าเบียงก้าเพียงปีเดียวและสนิทกับเธอมาก จ้องมองเอมิลี่อย่างเกรี้ยวกราด

เอมิลี่ยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ที่เรียกว่าความพยายามอย่างหนักของเบียงก้านั้นเป็นเพียงการตวัดฝีแปรงไม่กี่ครั้งกับการลงสีเล็กน้อยเท่านั้น ภาพส่วนใหญ่เป็นฝีมือของเอมิลี่ต่างหาก นั่นคือเหตุผลที่เบียงก้าไม่ว่าอะไรที่เอมิลี่มาอยู่ในสตูดิโอส่วนตัวของเธอ พวกเขาจับเอมิลี่มาไว้ในสตูดิโอเพราะกลัวว่าเบียงก้าจะกระทบกระเทือนใจและอาการกำเริบอีกหากเห็นหน้าเธอ

เอมิลี่ไม่คิดจะโต้เถียง เธอปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ และเลือกที่จะเงียบ ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามปลุกคนที่แกล้งหลับ หรือเปลี่ยนใจคนที่มีอคติไปแล้ว

"พูดอะไรออกมาสิ! เป็นใบ้ไปแล้วหรือไง? ตอนที่แกล้งเบียงก้าแล้วก็สมรู้ร่วมคิดกับพวกนั้นที่โรงเรียนไม่เห็นจะใบ้เลยนี่!" เฮย์เดน จอห์นสัน พี่ชายอีกคนของเธอขมวดคิ้วและกระชากเอมิลี่มาอยู่ตรงหน้าเพื่อให้เธอเผชิญหน้ากับความโกรธของพวกเขา

เอมิลี่เงยหน้าขึ้นอย่างเฉยชา "จะให้ฉันพูดอะไรล่ะ? บอกว่าฉันไม่ได้ทำ? หรือบอกว่าฉันเห็นคนคนนั้นหัวเราะคุยอยู่กับเบียงก้า และพี่เขาเป็นคนชวนมาเอง?"

เธอเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน ในชาติที่แล้ว เธอเคยอธิบายแล้วว่าเธอไม่ได้ทำร้ายเบียงก้าและพยายามจะช่วยด้วยซ้ำ แต่พวกเขาไม่เชื่อ พวกเขามั่นใจว่านักเลงที่โรงเรียนมาที่นั่นได้ก็เพราะเธอ ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเบียงก้าอยู่ที่ไหน

ในเมื่อคำอธิบายไม่มีประโยชน์ เธอก็ไม่คิดจะเปลืองน้ำลายอีก

อีไลตบหน้าเธออย่างแรงจนหน้าหัน ใบหน้าของเธอบวมขึ้นทันทีพร้อมกับรอยนิ้วมือที่เด่นชัด

"นังเด็กเหลือขอ ทำไมถึงได้ร้ายกาจตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้? ไม่ใช่แค่ทำให้เบียงก้าตกใจจนป่วย แต่ยังพยายามจะทำลายชื่อเสียงของพี่เขาอีก" อีไลตะคอก

ทุกคนยกเว้นเชสมองมาที่เอมิลี่ด้วยสายตาดูแคลน ไม่ได้แสดงความเห็นใจต่ออาการบาดเจ็บของเธอเลยแม้แต่น้อย

เอมิลี่ผิดหวังอย่างสุดซึ้ง แต่ก็ยังเชิดหน้าขึ้นอย่างดื้อรั้น ปฏิเสธที่จะเป็นเด็กสาวที่ยอมคนและคอยเอาใจทุกคนเหมือนที่เคยเป็นมา

"คุณโกรธก็จริง แต่จะไปตีเอมิลี่ทำไมกันคะ" ในที่สุดคลีโอก็พูดขึ้นหลังจากการระเบิดอารมณ์ของอีไล เธอแตะแขนเขาเบาๆ อย่างไม่เห็นด้วย จากนั้นก็หันไปทางเอมิลี่ "ทำไมถึงได้ดื้อด้านแบบนี้? เบียงก้าป่วยก็เพราะเธอนะ เธอก็รู้ว่าพี่เขาร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เกิด ทั้งบ้านเราถึงได้คอยดูแลเอาใจใส่กันขนาดนี้ เธอควรจะไปขอโทษพี่เขานะ เบียงก้าใจดีและพร้อมจะให้อภัยเธอเสมอ"

เอมิลี่รู้สึกคลื่นไส้กับความใจดีจอมปลอมของคลีโอ ในชาติที่แล้ว คลีโอแสร้งทำเป็นคนดีมาตลอด คอยให้ความหวังเธอทุกครั้งที่ถูกครอบครัวทำร้าย ทำให้เธอยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อเอาใจทุกคน บางทีอาจเป็นเพราะคิดว่าเอมิลี่กำลังจะตาย สุดท้ายหล่อนถึงได้เผยธาตุแท้ออกมา

เอมิลี่ปัดมือของคลีโอออกอย่างแรงแล้วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

คลีโอเซถลา ทำหน้าเหมือนเจ็บปวด

เอเดนที่เงียบมาตลอดเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม “เอมิลี่ เธอทำเกินไปแล้วนะ วันนี้เธอต้องขอโทษอย่างจริงใจ”

ใบหน้าของเอมิลี่เย็นชา “ที่แท้ก็ต้องการแบบนี้นี่เอง จะพูดอ้อมค้อมไปทำไม อยากพูดอะไรก็พูดมาสิ”

“เอมิลี่ ทำไมตอนนี้เธอถึงได้ปากร้ายขนาดนี้” คลีโอมองเธอด้วยสีหน้าเจ็บปวด

“ถ้าไม่พูดก็ออกไปซะ!” เอมิลี่ไม่สนใจพวกเขาแล้วล้มตัวลงนอน

“โอกาสที่จะได้เป็นลูกศิษย์ของคุณวิลเลียมส์น่ะ ยกให้เบียงก้าซะ เธอเป็นคนช่วยชีวิตคุณวิลเลียมส์ไว้ ถึงไม่มีโอกาสนี้ ถ้าเธออยากให้เขาสอน เขาก็ต้องสอนอยู่แล้ว” อีไลพูดพยายามใช้เหตุผล

เฮย์เดนเห็นด้วย “เธอไม่มีพรสวรรค์ด้านวาดภาพเหมือนเบียงก้าหรอก ยกโอกาสนี้ให้เธอไปจะดีกว่า”

“ได้สิ!” เอมิลี่ตอบตกลงอย่างรวดเร็วจนทุกคนประหลาดใจ

“เธอไม่ได้วางแผนอะไรอยู่ใช่ไหม” ฟินน์ถามอย่างหวาดระแวง

ทุกคนคิดว่าการที่เอมิลี่ตอบตกลงเร็วจนเกินไปนั้นน่าสงสัย

เฮย์เดนเตือน “เอมิลี่ อย่าคิดวางแผนร้ายกับเบียงก้านะ เธอเป็นคนใจดี และที่หาเธอเจอก็เพราะเธอคนนั้นด้วย รู้จักสำนึกบุญคุณซะบ้าง พอสละสิทธิ์ไปแล้ว ก็อย่าคิดจะเอากลับคืนมาอีก”

เอมิลี่นึกสงสัยว่าเมื่อก่อนเธอโง่เง่าได้ถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ถึงได้ไปรู้สึกสำนึกบุญคุณเบียงก้าจริงๆ ที่พวกเขาหาเธอเจอก็เพียงเพราะไขกระดูกของเธอมีประโยชน์เท่านั้น

ส่วนเรื่องการเป็นลูกศิษย์นั่น เธอไม่สนใจอยู่แล้ว เบียงก้าไม่มีทางรับมือไหวหรอก ภาพวาดส่วนใหญ่ของเบียงก้าก็เป็นฝีมือของเอมิลี่ทั้งนั้น เธอช่วยชีวิตจอห์นไว้ก็จริง แต่เธอไม่ได้อยากเป็นลูกศิษย์ของเขา เธอแค่ยุ่งอยู่กับการช่วยครอบครัวจอห์นสันจัดการวิกฤตของบริษัทและพยายามเอาใจทุกคน ที่เธอยอมตกลงก็เพียงเพราะเจมส์ สมิธ อยากจะทำตามความปรารถนาของคุณย่าอูม่าที่อยากเป็นลูกศิษย์ของจอห์น และเธอก็ได้เจรจาต่อรองให้เขามีส่วนร่วมด้วย

“ถ้าอยากได้ตำแหน่งนั้นก็เอาไป แต่ถ้าเบียงก้าอยากได้อะไรอีก ก็บอกมาเลย” เอมิลี่พูดเสียงเย็นชา

“ใครสอนให้เธอพูดจาแบบนี้ นี่คือการชดใช้ให้กับสิ่งที่เธอทำกับเบียงก้า อย่าทำเหมือนตัวเองน่าสงสารนักเลย” อีไลตำหนิ

“มีแค่นี้ใช่ไหม งั้นก็เชิญออกไปได้แล้ว!” เอมิลี่ไล่พวกเขาออกไป

ศีรษะของเธอปวดตุบๆ และรู้สึกเหมือนมันจะระเบิดออกมาถ้าได้ยินพวกเขาพูดอีกแม้แต่คำเดียว

“เธอ…”

อีไลโกรธจัดที่ถูกเอมิลี่ผู้ถูกทอดทิ้งไล่ตะเพิด

“เอมิลี่ เบียงก้ายังอยู่โรงพยาบาลคนเดียวนะ พวกเรากำลังจะไปหาเธอ สำนึกผิดกับการกระทำของตัวเองซะบ้าง พวกเราเป็นห่วงและอยากให้เธอทำตัวดีขึ้น” คลีโอพูดพร้อมกับดึงอีไลออกไป และสั่งสอนเอมิลี่ด้วยท่าทีที่ดูเหมือนใจดีอีกครั้ง

พวกเขาทั้งหมดจากไป ทิ้งท้ายไว้เพียงคำว่า “ดูแลตัวเองด้วยนะ”

ประตูปิดลง ตัดขาดโลกภายนอกและแยกเธอออกจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง

เอมิลี่พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง ศีรษะของเธอมึนงงและหน้าผากก็ร้อนผ่าว เธอต้องไปโรงพยาบาล ถ้าเธอไข้ขึ้นจนสมองพิการ มันก็เท่ากับเสียโอกาสครั้งที่สองในชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์

ทันใดนั้น ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง

เอมิลี่ขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “มีอะไรอีก จะปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวไม่ได้หรือไง”

บทถัดไป